EPISODE-I : Yunnan 101
ถ้าจะถามผมว่ามีที่ไหนแนะนำให้ไปเที่ยวที่สุด ผมคงตอบแทบจะในทันทีว่าจีนเพราะจีนเป็นประเทศที่ผมไปบ่อยที่สุดและส่วนตัวผมคิดว่ามันคุ้มค่าคุ้มราคาที่สุดเเล้วครับ หากต้องการชมพระราชวังหรือสถาปัตยกรรมที่จีนก็มีให้จะชมทิวทรรศ์ภูเขาหิมะหรือทะเลทรายจีนก็มีพร้อม จะกินภัตรคารสุดหรูหรือจะช็อปแหลกจนตังค์ติดลบที่จีนก็จัดไว้ให้ เรียกได้จีนนั้นมีเกือบจะทุกอย่างในราคาแบบ low cost
แต่นอกจากฮ่องกงแล้วผมก็ไม่เคยไปเมืองเดิมซ้ำเลยแต่ด้วยความบังเอิญมีโปรโมชั่นจากสายการบินสีม่วงในเส้นทาง Kunming มาพอดีเลยจัดซะหน่อยเพราะผมก็อยากไปยูนนานมานานแล้วซึ่งภรรยาผมก็ยังไม่เคยไปเที่ยวจีนเลย ทริปนี้จึงลงตัวด้วยประการทั้งปวงโดยทั้งทริปใช้เวลาทั้งหมด 10 จากวันที่ 3 ถึงวันที่ 12 ธันวาคมที่ผ่านมา
พูดถึงเมืองจีนหลายคนที่ไม่เคยไปคงรู้สึกหวั่นๆอยู่สักหน่อยด้วยภาพจำจากเหล่านักท่องเที่ยวที่ไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่นักซึ่งผมขอบอกเลยว่าไม่ใช่ทุกคนจะมีพฤติกรรมเเบบนั้นเเล้วก็ไม่ใช่ว่าเค้าจ้องจะโกงเราตลอดเวลาครับ ก็เหมือนทุกประเทศแหละครับที่มีทั้งคนดีและไม่ดีปะปนกันไป ฉะนั้นก่อนที่จะเดินทางเราควรทำความรู้จักที่ๆเราจะไปกันสักหน่อย
มลฑลยูนนาน (云南)นั้นอยู่ทางใต้ของจีนติดกับประเทศเมียนม่าซึ่งใกล้กับไทยมากๆใช้เวลาเดินทางโดยเครื่องบินแค่ประมาณสองชั่วโมงครึ่งครับโดยเวลานั้นจะเป็น GMT+8 ซึ่งจะเร็วกว่าเวลาไทยประมาณ 1 ชั่วโมงครับ ซึ่งทริปนี้ผมจะเริ่มจาก Kuming (昆明) แล้วขึ้นไปที่ Shangri-La (香格里拉) (จริงๆแล้วชื่อนี้ได้จากหนังถ้าเรียกให้ถูกก็ต้องเป็น Zhongdian (中甸) ถึงจะถูก) แล้วลงมาแวะเรื่อยๆที่ Lijiang (丽江) และ Dali (大理) ก่อนกลับมาที่ Kuming อีกครั้ง
ช่วงที่ดีที่สุดที่จะเที่ยวยูนนานนั้นหนังสือผมแนะนำเป็นช่วงเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคมครับแต่ผมแนะนำให้เช็คสภาพอากาศของเมืองที่จะไปดีกว่าเพราะถ้าไปด้านบนๆอย่าง Shangri-la หรือ Deqin อากาศจะหนาวกว่าข้างล่างค่อนข้างมาก
วีซ่า : สำหรับคนที่มีสัญชาติไทยนั้นสามารถทำวีซ่าขอเข้าประเทศจีนผ่านตัวแทนที่รับรองโดยรัฐบาลได้ที่สำนักงานในกรุงเทพครับโดยมีค่าทำเนียม 1000 บาทและมีค่าบริการอีก 500 บาท รวมแล้วต้องจ่าย 1500 บาทครับ ผมทำลิงค์ไว้แล้วกดเข้าไปดูรายละเอียดได้เลยครับ วีซ่าจีน
ตั๋วเครื่องบิน : การเดินทางจากประเทศไทยไปจีนนั้นมีโครตเยอะเนื่องจากไทยเป็นที่นิยมมากๆๆๆๆๆๆของนักท่องเที่ยวชาวจีนแล้วเค้าก็เป็นติ่งดาราบ้านเราโครตๆ แต่ครั้งนี้ผมเลือกใช้บริการสายการบินเเห่งชาติบ้านเราเพราะ…ได้โปรราคาถูกไงละครับ
เงิน : เงินหยวน (RMB) ในไทยพอมีให้แลกเพียบไม่ต้องห่วงเรื่องนี้เลยมีทุกที่ค่อนข้างสะดวกสมชื่อเงินของประชาชนครับ
ที่พัก : เนื่องจากจีนเป็นประเทศที่ไม่อนุญาติให้ธุรกิจจากต่างประเทศดำเนินการอย่างเสรี ดังนั้นเรื่องการจองโรงแรมผ่านบริการจอง online ทั่วไปอย่าง Booking ค่อนข้างยาก ทางเลือกหนึ่งที่ง่ายกว่าคือใช้บริการของ Ctrip ซึ่งเป็นของจีนเองหรือลองหาชื่อโรงแรมเเล้วส่งเมล์ไปจองโดยตรงแต่ผมแนะนำว่าถ้าจองผ่านเว็บแล้วให้ปริ้นใบจองภาษาจีนไปด้วยเพราะคนพูดภาษาอังกฤษในจีนนั้นหายากมากๆ
Guide book : สำหรับ guide book ผมเลือกใช้ Lonely Planet เหมือนเดิมครับแต่ผมบอกตรงนี้เลยว่ามันไม่ช่วยอะไรผมเลยนอกจากความหนักของกระเป๋าที่เพิ่มขึ้น
การเดินทางในประเทศ : สำหรับการเดินทางในประเทศจีนนั่นค่อนข้างสะดวกครับเนื่องจากขนส่งมวลชนของจีนพัฒนาอย่างมีประสิทธิภาพมากแต่ข้อเสียคือการควบคุมการสูบบุหรี่นั้นทำได้ยากที่จีนทำให้ตลอดการเดินทางอาจต้องเจอกับควันบุหรี่อย่างเลี่ยงไม่ได้ ผมแนะนำพกหน้ากากอนามัยไปเยอะๆจะช่วยได้มาก
เสื้อผ้า : ช่วงที่ผมเดินทางไปเป็นหน้าหนาวพอดีอุณหภูมิจะอยู่ที่ประมาณ 5 องศาเซลเซียสถึงติดลบนิดๆ ลมค่อนข้างเเรงและหนาวเลยทีเดียวมีเสื้อกันลมไปก็ดีครับ
อาหาร : อย่างที่ทราบกันดีอาหารจีนนั้นค่อนข้างมันและมีคำพูดตลกๆว่าถ้าไปเมืองจีนให้พกน้ำปลาไปด้วย แต่สำหรับผมนั้นอาหารจีนเป็นอาหารที่อร่อยที่สุดของผมละถึงแม้จริงๆแล้วผมจะชอบอาหารของภาคกลางมากกว่าแต่อาหารภาคใต้ก็อร่อยดีนะ (ถึงจะเผ็ดไปหน่อย)
ของใช้อื่นๆ : แนะนำอย่างมากสำหรับหน้ากากอนามัยอย่างน้อยก็ใส่ตอนนอนในรถ อีกอย่างหนึ่งที่เห็นคนอื่นเค้ามีแล้วมีประโยชน์มากคือ internet กับ app แปลภาษาซึ่งถ้าคุณพูด อ่าน เขียน ภาษาจีนไม่ได้ก็พกไปเถอะ นอกนั้นก็จะมีกระป๋องออกซิเจนกระป๋องซึ่งถ้าขึ้นที่สูงอากาศน้อยเวลาเหนื่อยๆก็พอช่วยได้ครับ
Episode นี้ก็จบลงที่นี่ ถ้ามีคำถามอะไรก็ comment ไว้ได้ผมจะคอยมาตอบเรื่อยๆครับ แล้วติดตามการเดินทางเยือนอดีตอาณาจักรน่านจ้าวกับผมกันใหม่ใน episode หน้าครับ