Previously on Prints of Persia…หลังจากที่เล่นบท Indiana Jones ที่ Shiraz ผมเดินทางขึ้นเหนือต่อมายัง Isfahan โดย night bus

EPISODE-III : This is our lives on HOLIDAY!!

ผมเดินทางมาถึง Isfahan ในตอนเช้าในบรรยากาศที่ค่อนข้างเงียบแต่เพราะว่าเรารู้จากอาเมียร์ตั้งแต่เมื่อวานเเล้วว่าวันที่เราจะมาที่ Isfahan เป็นเหมือนวันพ่อซึ่งเป็นวันหยุดสำคัญของอิหร่าน จริงๆแล้ววันพ่อนี้เป็นวันสำคัญในประเทศอิสลามเพราะมันคือวันที่รำลึกในเป็นเกียรติแก่ท่าน Ali ibn Abi Talib ซึ่งยังเป็น Imam คนเเรกตามความเชื่อของนิกาย Shia

เราโชคดีมากที่เจอ taxi พอดีไม่งั้นต้องลำบากเเน่เพราะที่สังเกตุแถวๆท่ารถนั้นไม่มี taxi เลยแถมเข้ามาในเมืองรถก็แทบจะไม่เห็น โรงแรมที่จะพักก็อยู่ใกล้ที่ท่องเที่ยวสามารถเดินทางได้ง่ายหน่อย หลังฝากกระเป๋าก็เลยเดินไปที่ท่องเที่ยวที่ใกล้ที่สุดในคือ Imam square (Naqsh-e Jahan Square)

P4110368.JPG
ผมเจอป้ายนี้ระหว่างเห็นว่าสวยดีแต่ไม่รู้เหมือนกันว่ามีความสำคัญยังไง

ระหว่างทางไป Imam Square นั่นเกิดสะดุดตาว่าสวนใกล้ๆดูสวยจังเลยเดินไปจนถึงป้ายทางเข้าจึงรู้ว่าเรามาถึงที่ท่องเที่ยวอีกที่หนึ่งนั่นคือ Chehel Sotoun ซึ่งเป็นวังเก่า(อีกแล้ว) Chehel Sotoun นั้นมีความหมายว่าเสา 40 ต้นแต่แท้จริงแล้วมีแค่ 20 ต้นอีก 20 ต้นนั้นเป็นเงาสะท้อนจากน้ำ(อย่างเหนือ)

P4110371.JPG
Chehel Sotoun ในยามเช้า

แม้ Chehel Sotoun จะได้ชื่อมาจากเสาที่สวยงามแต่ที่ผมสนใจกลับเป็นภาพวาดด้านในซึ้งน่าจะเป็น fresco เท่าที่เห็นด้วยสายตาเป็นส่วนใหญ่แต่ก็จะอย่างอีกบ้างประปราย ผมที่ชอบงานศิลป์อยู่เเล้วเลยค่อนข้างอินเป็นพิเศษ

P4110376.JPG
งานส่วนใหญ่จะบอกเล่าประวัติศาสตร์การรบทั้ง Ottoman และการลี้ภัยของเจ้าชายจากอินเดีย

จาก Chehel Sotoun เราก็ต่อไปยังจุดหมายที่ตั้งไว้แต่เเรกที่ Imam Square โดยที่นี่มีจุดที่เป็น high light คือ Bazaar (อีกแล้ว) กับ Shah Mosque (Masjed-e Imam) ซึ่งขึ้นชื่อว่างานกระเบื้องสวยงามมากแต่พอไปก็พบว่าปิดอยู่ซึ่งพอดีเวลาก็ใกล้เที่ยงแล้วเลยคิดว่าเราไปหาอะไรกินก่อนพอเสร็จก็น่าจะละหมาดกันเสร็จพอดี

P4110428.JPG
ด้านนอก Shah Mosque จาก Imam Square

เหมือนเดิมเพื่อนบใช้เทคโนโลยีกดหาร้านอาหารแนะนำซึ่งได้ร้านที่เหมือนจะอยู่ใกล้ๆแต่พอเอาเข้าจริงๆก็ไกลพอควรนะ ร้านนี้มีประตูทางขึ้นเล็กๆแต่พอเข้าไปกลับเป็นโถงใหญ่เลย ราคาก็ถือว่าสูงอยู่ถ้าเทียบกับค่าครองชีพที่นี่แต่ก็น่าจะเป็นร้านดังที่สุดในเมืองเพราะตอนกลับเห็นคิวรอเข้าร้านกับการจองโต๊ะแล้วคิดว่าโชคดีมากที่เรามาเเล้วได้เข้าเลย (แต่เหมือนเดิมที่ผมลืมชื่อร้านอีกแล้ว)

IMG_20170411_121310.jpg
บรรยากาศในร้าน
P4110440.JPG
ผมเลือกอาหารท้องถิ่นของ Isfahanซึ่งมีเนื้อปลาบดอยู่ใต้ขนมปังทานคู่กับมันบดโรยด้วยเครื่องเทศ (กลิ่น cinnamon เด่นขึ้นมาเยอะนะแต่อย่างอื่นไม่แน่ใจน่าจะ nutmeg นิดหน่อย)
P4110441.JPG
มวลมหาประชาชนเข้าคิวรอจองโต๊ะล้นออกมาด้านนอก

กินข้าวเสร็จก็พกความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมกลับไปที่ Imam Square แต่กลับเป็นว่า Shah Mosque ก็ยังปิดอยู่ดีพอดีเห็นเด็กวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งแถวนั้นมาเคาะประตูทางเข้าผมเลยเดิไปถามซะหน่อยว่าเค้าจะเปิดกันกี่โมง ปรากฎว่า Shah Mosque และมัสยิดอื่นๆจะปิด 3 วันเนื่องจากเป็นช่วงเตรียมงานรำลึกครบรอบร้อยปีของท่าน Ali Talib จะมีแค่อาสาสมัครเท่านั้น (จุดนี้พีคมากเพราะมีจำนวนวันตั้ง 365 คูณ 100 แต่ดันมาช่วงนี้ ผมนี่ช็อกไปเลยแต่ก็อยู่ว่าแหละครับเรามีข้อมูลของประเทศนี่น้อยมากจริงๆ) สรุปเลยอดซิครับแต่ยังไม่สิ้นความหวังเนื่องจากที่ Isfahan มีมรดกทางวัฒนธรรมอีกที่คือ Jameh Mosque ที่ถึงแม้จะเข้าไม่ได้เเต่ด้านนอกก็น่าจะสวยเหมือนที่นี่ คิดเเล้วเราก็ออกเดินทางทันที ระหว่างทางนั้นเงียบมากเพราะแทบจะไม่มีคนหรือร้านค้าเปิดเลยบรรยากาศเอาไปถ่ายหนัง Mad Max ได้เลย

IMG_20170411_143111.jpg
คุณลุงแล้วน้องคนนี้คือบุคคลกลุ่มเดียวที่เราเจอระหว่างทาง

เดินสักพักใหญ่ก็ถึงที่ๆเหมือนจะเป็นตลาดซึ่งเป็นจุดที่ตั้งของ Jameh Mosque มรดกโลก UNESCO อีกแห่งของของเมือง พอมาถึงผมนี่ช็อกไปเลยเพราะทางเข้าเป็นแค่ประตูไม้เล็กๆที่ซ่อนความสวยงามจริงๆอยู่ข้างในทั้งหมด(ความรู้สึกเหมือนถูกยิงประตูในช่วงทดเจ็บ)

IMG_20170411_144543.jpg
ประตูทางเข้า Jameh Mosque

เรากลับไปตั้งหลักกันใหม่ที่โรงแรมหลังจากคุยกันก็ตั้งใจว่าไปดูสะพานที่ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดในโลกที่หนึ่งคือ สะพาน Siosepol ที่สร้างในศตวรรษที่ 16 และยังมีความพิเศษที่ว่าสะพานนี้สร้างขึ้นเพื่อข้ามแม่น้ำที่จะมีน้ำเเค่ในช่วงนี้เท่านั้น ดังนั้นคนอิหร่านจึงชอบมานั่งปิกนิกในช่วงนี้และกลายเป็น landmark สำคัญประจำฤดูกาล พอตกลงกันเสร็จก็ออกไปเพื่อที่จะหา taxi บังเอิญมีเฮียคนหนึ่งขับรถมาถามว่าจะมีอะไรให้ช่วยมั้ย ตอนแรกก็แค่ว่าจะถามทางแต่เฮียเค้าบอกจะไปทางนั้นอยู่เเล้วเดี๋ยวเอาไปส่งใกล้ๆแล้วเราต่อ taxi อีกนิดหน่อยก็ถึง (ครั้งแรกในชีวิตเลยที่กลายเป็นนักโบก ถ้าเป็นที่อื่นคงไม่กล้า) เฮียดูเฮฮาดีหน้าแกเหมือน Emre Can แถมเสยผมตลอดเวลายิ่งเหมือนไปกันใหญ่

เฮีย Emre พาเราไปส่งจุดที่ีใกล้ที่สุดซึ่งเราเห็นว่าใกล้เเล้วเลยเดินไป ระหว่างทางมีคนมาปิกนิกเพียบทำให้ผมโดยขอถ่ายรูปตลอดทาง ช่วงเย็นอาจจะดูไม่ค่อยสวยเท่าไหร่แต่พอมืดเเล้วเปิดไฟนี่ดูสวยขึ้นเยอะเลย แนะนำว่าถ้ามาช่วงค่ำได้ก็มาตอนค่ำดีกว่า

P4110454.JPG
Siosepol ช่วงบ่ายๆเย็นๆ
P4110461.JPG
หัวค่ำคนเริ่มเยอะละ
P4110463.JPG
ผมแนะนำว่าไปช่วงกลางคืนสวยกว่านะ

เช้าวันต่อมาเราไปต่อกันที่จุดหมายสุดท้ายใน Isfahan นั่นคือ Vank Cathedral ซึ่งเป็นโบสถ์ของชาว Albanian ซึ่งแค่คิดว่าเราจะไปศาสนสถานของศาสนาคริสต์ในแดนแดนมุสลิมของชนชาติที่ถูกฆ่าล้างเผ่าพันธ์ุมันเป็นเรื่องที่มหัสจรรย์มากเลยนะ ไม่ไกลจากโรงเเรมเท่าไหร่ก็ถึง Vank Cathedral ที่นี่มีส่วนที่เป็นโบสถ์และส่วนจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้และประวัติการฆ่าล้างเผ่าันพันธุ์ (Genocide) ของชาว Albanian ในโบส์ถนั้นสวยมากโดยเฉพาะงานศิลป์ซึ่งผมสังเกตุเห็นว่าสถาปัตยกรรมด้านในนั้นคล้ายโบส์ถนิกาย Orthodox ใน Russia แต่มีบางส่วนคล้าย Aya Sofia ที่ตามมุมจะมีภาพ Celestial being

P4120469.JPG
บริเวณรอบๆ Vank Cathedral
P4120490
งานศิลป์ในโบส์ถ Vank
P4120521
แผนที่แสดงพื้นที่ๆมีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาว Albanian (จากแผนที่ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในตุรกี)

แม้จะอดเข้าที่ท่องเที่ยวสำคัญระดับมรดกโลกแต่ที่ Isfahanก็ดีพอที่จะทำให้ผมประทับใจได้ไม่ยากทั้งผู้คนและตัวเมือง ระหว่างรอรถไป Kashan ยังมีป้าใจดีคนหนึ่งเดินผ่านมาเเล้วก็ซื้อขนมให้พร้อมคำพูดที่ได้ยินตลอดทริปว่า Welcome to Iran

สำหรับการเดินทางใน Isfahan และ episode นี้ก็จบลงแต่เพียงเท่านี้  ถ้ามีคำถามอะไรก็ comment ไว้ได้นะครับ episode หน้าจะไปต่อกันที่ Isfahan และเป็น episode สุดท้ายของ Print of Persia แล้วครับ

Leave a comment